เทคนิคหุงข้าวด้วย หม้อสนาม ไม่ให้ข้าวเป็นสามกษัตริย์
หม้อสนาม หม้อขนาดเล็ก ทรงสี่เหลี่ยม รูปลักษณ์สุดคลาสสิค ทำมาจากอะลูมิเนียมสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ มีมุมโค้งมน ผ่านไปกี่ยุคสมัยก็ยังคงรูปแบบเดิม ยิ่งผ่านฟืนไฟดำไหม้ ยิ่งดูมีมนต์ขลัง และทุกส่วนที่ประกอบมาเป็นหม้อสนามสามารถนำมาใช้งานได้ทุกส่วน เป็นเหมือนหม้อเอนกประสงค์ที่ทำได้ทุกอย่างภายในใบเดียว จึงทำให้เป็นอุปกรณ์สำคัญที่นักท่องไพรเกือบทุกคนต้องมีติดกระเป๋าเป้ทุกครั้งที่เข้าป่า

เดิมหม้อสนามถูกออกแบบโดยกองทัพ เพื่อใช้งานในกองทัพ
หม้ออะลูมิเนียมชนิดนี้ ถือกำเนิดมาจากทางกองทัพทหาร มีการออกแบบรูปลักษณะที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับแต่ละกองทัพของแต่ละประเทศ เพื่อให้ทหารของกองทัพตนเองได้ใช้ในการออกภาคสนาม บางประเทศออกแบบหม้อสนามให้มีเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทรงสูง แต่อีกหลายๆ ประเทศก็ออกแบบให้มีลักษณะทรงโค้งตรงมุม แต่เว้าตรงกลางหม้อ เพื่อให้รองรับเข้ากับเอวของสรีระของคน มองดูดี ๆ จะคล้ายกับรูปทรงของถั่ว แต่จุดร่วมที่คล้ายกันที่อยู่ภายในหม้อสนามก็คือ

- มีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาง่าย
- ใช้งานได้อย่างเอนกประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นกระทะเพื่อทอด/ ผัด เป็นหม้อเพื่อต้ม /แกง หุงข้าว เป็นจานข้าว เป็นชามใส่กับข้าว เป็นเขียง หรือแม้กระทั่งเป็นที่เก็บของกระจุกกระจิกเพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ในกระเป๋าเป้ไปได้อีกเยอะ
- เก็บอาหารได้ทั้งร้อนและเย็น
- มีหูหิ้วเพื่อให้ในการเกี่ยว แขวนกับกิ่งไม้หรืออุปกรณ์อื่น ๆ
ส่วนประกอบของ หม้อสนาม

สำหรับ นักเดินป่าอย่างเรา ๆ นิยมพกหม้อสนามไปเพื่อใช้ในการหุงข้าว เพราะหม้อ 1 ใบ สามารถหุงข้าวให้คนกินข้าวได้ถึง 4-5 คนเลยทีเดียว แถมยังเอาฝาบนและฝาล่างมาดัดแปลงเป็นจานข้าวได้อีกด้วย
ก้นหม้อไหม้ + ข้าวตรงกลางหม้อสุก + ข้าวด้านบนหม้อแฉะและดิบ = ข้าวสามกษัตริย์
เรื่อง 1 ที่นักเดินป่า ที่เพิ่งเข้ามาในวงการนี้ ส่วนใหญ่จะต้องเจอนั่นก็คือ การได้ลิ้มลองรสชาติของข้าวสามกษัตริย์ ที่หุงด้วยฝีมือของตัวเอง และนั่นทำให้หลาย ๆ คนเริ่มรู้สึกว่า การหุงข้าวในป่านี้ยากจัง แต่นั่นเป็นเพียงเพราะว่า เรายังเข้าไม่ถึงศาสตร์และศิลป์ของการหุงข้าวด้วยหม้อสนามนั่นเอง!!!

ข้าวสามกษัตริย์ เป็น รสชาติที่นักเดินป่ามือใหม่ต้องลิ้มลองเสมอ ๆ
ศาสตร์และศิลป์ของการหุงข้าวด้วยหม้อสนาม
การหุงข้าวในป่า ไม่ใช่เพียงเรื่องของการ “หุงข้าว” แต่เป็นเรื่องของ “ศิลปะของการหุงข้าว” เพราะเราต้องมีความเข้าใจและมองสิ่งต่อไปนี้ให้ลึกและซึ้ง

ขอขอบคุณรูปภาพจากพี่ชายชา
- ศิลปะแห่งไฟ    ว่ากันว่า   1 ในเคล็ดลับของการทำอาหารให้อร่อย  ก็คือ การรู้จักใช้ไฟ    การหุงข้าวด้วยระบบมือก็เช่นกัน  “เราต้องรู้จักและเข้าใจการใช้ไฟ”      การหุงข้าวเริ่มแรกต้องใช้ไฟแรงระดับกลาง – แรงมาก  กะเวลาราว15 นาที  หรือสังเกตว่าเริ่มมีน้ำข้าวถูกแรงดันให้ไหลออกมาจากหม้อข้าว  จนน้ำเริ่มแห้ง และมีควันข้าว ๆ ลอยออกมาจากหม้อสนาม ก็ให้เอาไม้มาเคาะ ๆ ด้านข้างของหม้อ  หากได้ยินเสียงแน่นๆ ก็ให้ลองเปิดฝาหม้อออกมาดูว่าข้าวเริ่มสุกแล้วหรือยัง?   หากเริ่มสุกจนเกือบเต็มที่แล้ว  ให้ยกหม้อลงวางใกล้ๆ บริเวณไฟที่ไม่แรงมาก เพื่อทำการ “ดง” ข้าวบริเวณด้านข้างของหม้อให้สุก Tip :  การหุงข้าวด้วยเตาแก๊ส  ก็ใช้ไฟแบบเดียวกัน  คือไฟแรงก่อน  แล้วจึงใช้ไฟอ่อนเมื่อเราต้องการดงข้าว  เพียงแต่เราต้องคอยดูข้าวที่กำลังหุงอยู่ตลอดเวลา 
- ศาสตร์แห่งข้าว ศิลป์ของใส่น้ำที่พอเหมาะ  ข้าวแต่ละแบบมีองค์ประกอบที่แตกต่างกัน  เช่น ข้าวบางชนิดเหมาะกับการนำมาผัด เช่น ข้าวเสาไห้  เพราะมีความร่วนและแข็ง ดังนั้น การหาความรู้และศึกษาเรื่องชนิดของข้าวก่อนเข้าป่าจึงเป็นเรื่องที่ควรศึกษาก่อนบ้าง (อ่าน 12 สายพันธุ์ข้าวในประเทศไทย >>> https://www.wongnai.com/food-tips/12-rice-in-thailand) นอกจากนี้ ข้าวแต่ละชนิดมีความต้องการ “น้ำ” ในการหุงแตกต่างกัน  ในหม้อสนามเกือบของทุกแบบ จะมีขีดที่บอกระดับในการใส่น้ำ  ซึ่งเป็นปริมาณการใส่น้ำที่เหมาะกับการหุง”ข้าวใหม่” หรือ “ข้าวมะลิ”    แต่หากเป็น  “ข้าวเก่า” หรือ “ข้าวกล้อง”  ซึ่งมีความแข็งและร่วนเยอะมากกว่า เราต้องใส่น้ำให้เต็มพอดีกับหม้อสนาม เพื่อให้ข้าวที่สุกแล้วมีความนุ่ม หอม และอร่อย นอกจากนี้ ข้าวแต่ละชนิดมีความต้องการ “น้ำ” ในการหุงแตกต่างกัน  ในหม้อสนามเกือบของทุกแบบ จะมีขีดที่บอกระดับในการใส่น้ำ  ซึ่งเป็นปริมาณการใส่น้ำที่เหมาะกับการหุง”ข้าวใหม่” หรือ “ข้าวมะลิ”    แต่หากเป็น  “ข้าวเก่า” หรือ “ข้าวกล้อง”  ซึ่งมีความแข็งและร่วนเยอะมากกว่า เราต้องใส่น้ำให้เต็มพอดีกับหม้อสนาม เพื่อให้ข้าวที่สุกแล้วมีความนุ่ม หอม และอร่อย
- ศิลปะของการตวงข้าว เทคนิคง่าย ๆ เลย คือ เราจะใช้ฝาด้านในของหม้อสนาม หรือ ที่เราเรียกกันทั่วไปว่า “ลิ้นหม้อสนาม” มาใช้ในการตวงข้าว เทข้าวสารให้เต็มฝาจำนวน 1 ฝา แล้วเทใส่ลงไปในหม้อสนาม จากนั้นเติมน้ำลงไปตามความเหมาะสมของข้าว แล้วจึงนำไปตั้งไฟได้เลย…

ขอขอบคุณรูปภาพจากคุณกบ
เพียง 3 ข้อสั้น ๆ ง่าย ๆ ก็ทำให้การหุงข้าวในป่าของเราในครั้งต่อไปจะไม่เป็น สามกษัตริย์อีกต่อไป …. ขอแค่ให้เราเข้าใจ วิธีการหุงข้าวด้วย หม้อสนาม ตามหัวข้อ ด้านบน และลองหุงข้าวที่บ้านก่อนเข้าป่า ก็จะเพิ่มความมั่นใจ และความเข้าใจในการหุงข้าวแบบ Manual ได้มากขึ้นและอร่อยขึ้นมากกว่าเดิม ^^
 
				 
															



