แผ่นรองนอนเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่ขาดไม่ได้ สำหรับชาวแคมป์เพราะหากเราเลือกแผ่นรองนอนที่เหมาะสมจะทำให้การนอนในเต็นท์นั้นรู้สึกสบายขึ้นหลายเท่าตัว ซึ่งในวันนี้เราจะพาเพื่อนๆมาทำความรู้จักกับแผ่นรองนอนแต่ละประเภทกัน และแนะนำวิธีการเลือกเบาะรองนอนที่เหมาะสม
ทำไมแผ่นรองนอนถึงเป็นอุปกรณ์ “จำเป็นต้องมี”
เพราะแผ่นรองนอนนี้จะช่วยให้ร่างกายเราไม่ต้องสัมผัสกับความแข็ง ของพื้นดิน ซึ่งพื้นที่เราทำการกางเต็นท์นั้น อาจจะเจอทั้งหิน รากไม้ และดินที่ไม่มีความเรียบเสมอกัน การมีแผ่นรองนอนนั้น จะช่วยให้เรานอนได้อย่างและสบายมากขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มความอบอุ่นโดยทำหน้าที่เป็นฉนวนป้องกันการถ่ายเทความร้อนจากร่างกายลงสู่พื้นดินที่เย็นกว่ามาก โดยปกติพื้นดินหรือหินสามารถดูดความร้อนจากร่างกายได้ดีกว่าการถ่ายเทความร้อนจากร่างกายสู่อากาศประมาณ 40-50 เท่าเลยทีเดียว
แผ่นรองนอนมีกี่ประเภท?
แผ่นรองนอนจะมีด้วยกัน 3 ประเภทดังนี้
ชนิดแผ่นโฟม (Closed-Cell Foam) ทำจากโฟมที่มีช่องว่างแบบปิดพรุนในเนื้อโฟม ตัดให้เป็นทรงรองรับร่างกาย แผ่นรองนอนชนิดนี้มีน้ำหนักค่อนข้างเบา ราคาถูก ทนทาน และแข็งแรงดี ไม่ต้องกลัวว่าจะรั่ว ใช้ได้ดีกับสภาพพื้นที่ที่มีหินแหลมคม หนาม กิ่งไม้ หรือรากไม้ที่แข็ง โดยปรกติแล้วแผ่นรองนอนชนิดนี้จะมีความหนาประมาณ 1.5-2.5 เซนติเมตร ขอเสียของแผ่นรองนอนแบบโฟมก็คือ เมื่อม้วน หรือพับเก็บแล้วจะมีขนาดใหญ่เทอะทะ หากเป็นสายเดินป่า โดยส่วนมากจะห้อยติดไว้ด้านนอกกระเป๋า ซึ่งอาจจะทำให้เกะกะ เวลาเดินอาจจะทำให้ไปเกี่ยวเข้ากับกิ่งไม้ได้
ชนิดพองตัวเอง (Self-Inflated) แผ่นรองนอนชนิดนี้ โครงสร้างภายในทำจากโฟมที่บีบอัดตัวได้พอสมควร แทรกตัวอยู่ในแผ่นจากวัสดุใยสังเคราะห์ เวลาม้วนพับเก็บแผ่นจะยุบตัวลงได้มาก และเมื่อเปิดวาล์ว และคลี่แผ่นรองนอนออก โครงสร้างโฟมจะยกตัวขึ้นพร้อมกับดูดอากาศเข้าไปในช่องว่างภายใน ทิ้งไว้สักระยะ 10-15 นาที แผ่นรองนอนก็จะขยายตัวพองขึ้นเต็มที่ จากนั้นก็ทำการปิดวาล์วให้เรียบร้อย
แผ่นรองนอนชนิดนี้จะมีความนุ่ม และปรับตัวเข้ากับสรีระร่างกายได้ ทำให้นอนค่อนข้างสบาย และยังให้ความอบอุ่นได้ดีอีกด้วย แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน เพราะการเก็บรักษาอาจจะต้องระวังมากกว่าแบบโฟม ต้องไม่ให้แผ่นรองนอนถูกตำจนเป็นรูรั่ว และหากอยากได้ความสบายมากยิ่งขึ้น ก็มีระดับความหนาให้เลือกตามความเหมาะสม แต่ยิ่งมีความหนามากขึ้น ขนาดตอนพับเก็บ และน้ำหนักก็จะมากขึ้นตามไปด้วยนั่นเองค่ะ ที่สำคัญแผ่นรองนอนชนิดนี้ยังมีราคาค่อนข้างสูงอีกด้วย
แผ่นรองนอนแบบเป่าลม (Air construction pad) แผ่นรองนอนชนิดนี้จะต้องทำการสูบลม หรือเป่าลมเข้าไปก่อนการใช้งาน แผ่นรองนอนชนิดนี้ ถือว่านอนได้อย่างสบายพอสมควร มีความนุ่ม และปรับเข้ากับสรีระร่างกายได้ดี และเมื่อพับเก็บจะมีขนาดที่เล็ก และเบามาก เมื่อเทียบกับทั้ง 2 แบบข้างต้น แต่ก็มีข้อเสียคือ แผ่รองนอนเป่าลมนี้จะเจอกับปัญหาการรั่วซึมค่อนข้างบ่อย และหากเกิดการรั่วขณะใช้งาน ก็จะต้องซ่อมก่อนจึงจะกลับมาใช้งานได้ เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นจะต้องพกอุปกรณ์สำหรับปะรูรั่วชั่วคราวพกติดไปด้วย และต้องเลือกที่กางเต็นท์ให้อยู่ในจุดที่ไม่มีวัสดุที่เป็นหิน หรือรากไม้ที่แหลมคม ที่จะทำให้แผ่นรองนอนชนิดนี้ชำรุดได้
การเลือกแผ่นรองนอนต้องคำนึงถึงปัจจัยอะไรบ้าง?
ความอุ่นของแผ่นรองนอน มีหน่วยวัดเป็น R-Value ซึ่งตัวนี้จะเป็นค่าความต้านทานในการสูญเสียความร้อน ยิ่งค่า R-Value สูงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งป้องกันการสูญเสียความร้อนจากร่างกายได้มากขึ้นเท่านั้น กล่าวง่าย ๆ ก็คือ ค่ายิ่งสูง ก็จะยิ่งอุ่นนั่นเองค่ะ
ขนาดของแผ่นรองนอน แผ่นรองนอนจะมีให้เลือกหลายขนาด ซึ่งก็เลือกให้เหมาะสมกับส่วนสูง และขนาดร่างกายของเราค่ะ หากไม่ใช่สายแบก ที่เน้นน้ำหนักเบาล่ะก็ เลือกแผ่นรองนอนที่ใหญ่กว่าตัวสักหน่อย ก็จะทำให้นอนสบายได้มากยิ่งขึ้น
เลือกแผ่นรองนอนให้เหมาะสมกับการเดินทาง เช่น หากต้องไปเดินป่า ปั่นจักรยาน ที่มีข้อจำกัดในการขน หรือแบกสัมภาระ ก็ควรเลือกแผ่นรองนอนที่มีน้ำหนักเบา และมีขนาดเล็ก หรือหากไปตั้งแคมป์บนยอดเขาที่มีความหนาวเย็นมาก ๆ ก็ควรเลือกแผ่นรองนอนที่ช่วยเรื่องความอบอุ่น แต่หากไปตั้งแคมป์แบบคาร์แคมป์ ไม่ต้องกังวลเรื่องการขนสัมภาระ ก็สามารถเลือกแผ่นรองนอนที่มีขนาดใหญ่ มีความหนามากขึ้น เพื่อการนอนหลับที่สบายมากยิ่งขึ้นค่ะ