ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ทัศนคติต่อสถานการณ์ที่ยากลำบากจะบอกถึง “ความสามารถในการปรับตัวของคน 2 คน” จึงไม่แปลกที่ “การเดินป่า” จะเป็น 1 ใน วิธีพิสูจน์รักแท้ ในหลาย ๆ วิธี ที่ป๊อปปูล่าในเหล่าบรรดาคู่รักที่จูงมือกันเข้าป่าไปสร้าง เรื่องราวความรักในแบบเฉพาะของแต่ละคู่
Oh darling ,Let’s be adventures!
– Anonymous
เหตุผลที่คู่รักหลายคนจึงเลือกการเดินป่าเพื่อเป็น 1 ใน วิธีพิสูจน์รักแท้
การกลับไปใช้ชีวิตในป่า ก็เหมือนเราคืนสู่ความเป็นสามัญของมนุษย์ตัวเล็ก ๆ ที่กลมกลืนเป็น 1 เดียวกับธรรมชาติอย่างแท้จริง ไม่มีการปรุงแต่ง ไร้ซึ่งการควบคุม เปรียบเสมือนเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เปิดพื้นที่ให้คู่รักได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน
A journey is like marriage. The certain way to be wrong is to think you control it. – John Steinbeck
-การเดินทางก็เปรียบเสมือนการแต่งงานนั่นแหล่ะ เส้นทางจะเริ่มผิดเพี้ยนเมื่อคุณคิดจะควบคุมมัน-
ป่าให้อะไร “เรา” เพื่อใช้เป็น วิธีพิสูจน์รักแท้ ? ในวันนึงที่สองเราจูงมือเข้าป่า
ป่าให้พื้นที่แสดงออกถึงการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน
ช่วงระหว่างการเดินป่า รวมไปถึงการใช้ชีวิตในป่า เป็นช่วงเวลาที่คนสองคนจะได้แสดงออกถึงการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันอย่างดีที่สุด เพราะตลอดเส้นทางการเดินป่านั้นมีอุปสรรคที่อาจทำให้คนใดคนหนึ่งบาดเจ็บ หรือเหนื่อยล้าจากการเดินไม่ไหวหรือแสงแดดอันร้อนแรงในช่วงเที่ยงวัน เพียงแค่การช่วยแบกของบางส่วนให้คู่รัก การเดินป่าไปด้วยกันอย่างใจเย็น เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเดินไม่ไหว การไปนั่งรออีกฝ่ายเข้าห้องน้ำในป่า ซึ่งการดูแลสิ่งเล็ก ๆ น้อยๆ เหล่านี้เราแทบหาพื้นที่แสดงออกในวิถีชีวิตชาวเมืองได้น้อยมาก
ป่าให้พื้นที่แสดงออกถึงการปกป้อง
อย่างที่เรารู้กันว่า “ป่า” เป็นพื้นที่ธรรมชาติที่เราคาดเดาไม่ได้ บางช่วงเราอาจเจอลมแรง ฝนตก เจอพายุ บางช่วงอาจหลงทาง บางช่วงอาจลื่นล้ม บางช่วงถุงนอนของเราอาจจะกันความหนาวไม่เพียงพอ สถานการณ์เหล่านี้จะเป็นการเปิดพื้นที่ให้ได้แสดงออกถึงการดูแลการปกป้องซึ่งกันและกัน
ป่าให้พื้นที่แสดงออกถึงการเสียสละ
เราจะได้เห็น “การเสียสละ “ ความสะดวกสบายเล็ก ๆน้อย ๆ หรือของบางสิ่งบาง ให้กันในช่วงเวลาที่เราอยู่ในป่าด้วยกัน เช่น การเสียสละเวลาส่วนตัวเล็กน้อยไปเลือกซื้ออุปกรณ์เดินป่าด้วยกัน การเลือกที่จะแบกของเพิ่มให้อีกฝ่าย
ป่าให้พื้นที่แสดงออกถึงการให้อภัยและยอมรับตัวตนซึ่งกันและกัน
แน่นอนล่ะว่า ความเหนื่อยล้าจากการออกแรงเดินขึ้นเขาเป็นระยะเวลานาน ๆ หรือการต้องนอนในเต็นท์ที่มีพื้นแข็ง ๆ แถมยังเอียงอีก มันจะทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดความรู้สึกหงุดหงิด อารมณ์ไม่ดี จนพาลให้เกิดการทะเลาะกันในเรื่องง่ายๆ อย่างเช่น นอนกรนในเต็นท์ หุงข้าวไม่สุก ทอดไข่ไหม้ รวมไปถึงได้เห็นมุมไม่สวยงามของแต่ละฝ่าย เช่น ใบหน้าสดที่ปราศจากเครื่องสำอางค์ ร่างกายที่ไม่ได้ผ่านน้ำมามากกว่า 1 วัน หรือแม้กระทั่งการเดินป่าไปก็ตดไป
ป่าให้พื้นที่ในการเรียนรู้นิสัยใจคอซึ่งกันและกัน
แน่นอนล่ะว่า คนเราทุกคนล้วนมีความแตกต่างกันในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติ วิธีการใช้ชีวิต อาหารที่ชอบหรือไม่ชอบ วิธีการแก้ปัญหาเมื่อเจอ ซึ่งเมื่อเข้าไปในป่า เราจะได้เรียนรู้นิสัยใจคอกันมากขึ้นผ่านความเรียบง่ายของพื้นที่ในป่า ความเรียบง่ายที่นำพาให้เราต้องมาแก้ปัญหาร่วมกัน หาทางออกร่วมกัน คิดไอเดียใหม่ๆ ร่วมกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้แหล่ะ จะทำให้เรารู้จักกันมากขึ้นกว่าที่เคย
อ่านบทความ : 5 เทคนิคอ่อยสุดเนียน เที่ยวดอย ยังไงให้ได้คู่
https://www.trekkingthai.com/เที่ยวดอยให้ได้คู่/
เรื่องเหล่านี้ดูเป็นเรื่องน่าอายที่เราไม่ค่อยอยากให้ใครมาเจอเราในมุมนี้มากนัก แต่เมื่อเราสองคนต้องมาอยู่ในพื้นที่ที่เปิดให้เราได้แสดงให้เห็นมุมที่ดูไม่ดีของแต่ละฝ่ายอย่างเปิดเผย ก็ทำให้เราได้มีโอกาสเปิดพื้นที่ให้อภัยกันมากขึ้นและยอมรับในตัวตนซึ่งกันและกัน และเพิ่มพื้นที่ความยืดหยุ่นให้กันและกันมากกว่าที่เคยป่าให้พื้นที่ในการร่วมทุกข์ร่วมสุข
สิ่งอำนวยความสะดวก เครื่องใช้ไฟฟ้า สัญญาณโทรศัพท์ สัญญาณอินเตอร์เน็ต หลอดไฟ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เราไม่สามารถหาได้ในป่า เราจำเป็นต้องช่วยกันทำ ช่วยกันสร้างให้ “เรา” รอด และกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยกันก่อไฟ ช่วยกันกางเต็นท์ ช่วยกันทำอาหาร สิ่งเหล่านี้มันเป็นพื้นที่ของการร่วมทุกข์ร่วมสุขที่หาได้ยากในสังคมของคนทำงานที่แข่งขันกับเวลา
ป่าเปิดโอกาสให้เราเรียนรู้ว่า “เราจะเบื่อกันไหม?”
เพราะเวลาที่เร่งรีบ และการงานที่รีบเร่ง ทำให้เวลาการอยู่ด้วยกันของคนสองคน “น้อยลง” การใช้ชีวิตจริง ๆ ร่วมกันของคนสองคนก็แทบนับครั้งได้ ดังนั้นเราจึงแทบไม่รู้เลยว่า หากวันนึงที่คนสองคนต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันจริง ๆ เจออุปสรรคอีกมากมายที่ต้องผ่านเข้ามาในแต่ละวันร่วมกันจริง ๆ “เราจะเบื่อกันไหม?”
การได้ใช้ชีวิตร่วมกันป่าเพียงเวลา 2-3 วันร่วมกันจึงเหมือนเป็นห้องทดลองเล็กๆที่ทำให้คนสองคนได้ร่วมทดลองไปด้วยกัน เพราะต้องใช้เวลาด้วยกันจริง ๆ ได้ใช้เวลาในการมองหน้ากัน พูดคุยกัน เพราะในป่าไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มี Wi fi ในหลายสถานการณ์ก็ต้องลำบากไปด้วยกัน มีช่วงเวลาที่คนสองคนไม่ได้น่ารักใส่กัน เมื่อผ่านช่วงเวลาแห่งการทดสอบนี้ละ เราจะได้คำตอบของกันและกัน ก็แอบลุ้นๆ เหมือนกันนะ ^^
ป่าให้พื้นที่ เราได้สร้างเรื่องราวความรักของเราไปด้วยกัน
ในทุกครั้งหลังออกจากป่า เรามักจะมีเรื่องเล่าใหม่ ๆ ในชีวิตของคนสองคนเกิดขึ้นร่วมกันเสมอ และเรามักจะนำมาพูดคุยหยอกล้อกันอย่างออกรสทุกครั้งที่นั่งจิบกาแฟ หรือเจอหน้ากัน เพราะเราได้ค้นพบความวิเศษในตัวตนของอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นในทุกครั้งที่ได้เข้าป่าด้วยกันเสมอ
ชีวิตคู่ คือการสร้างเรื่องเล่าไปด้วยกัน
หาก 1 ใน วิธีพิสูจน์รักแท้ คือการเรียนรู้ของคนสองคนที่พร้อมจะลองผิดลองถูกไปด้วยกัน
และป่าก็เป็นพื้นที่ธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดเดาได้
และเรายังคงกล้าจูงมือไปผจญภัยลองผิดลองถูกด้วยกันอย่างไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ แน่นอนล่ะว่าในท้ายที่สุด เราจะได้ New Chapter ของ Love story ตอนใหม่ในทุกครั้งที่เราจูงมือออกไปผจญภัยโลกกว้างด้วยกัน
แล้ววันนี้คุณหันไปถามคนข้างๆแล้วหรือยังว่า
“Let’s find some beautiful places to get lost together.” – Anonymous
-ออกไปค้นหาสถานที่สวย ๆ ออกไปหลงทางด้วยกัน – แล้วหรือยัง?
ผู้เขียน I am Mai Penguindoi
สนใจไปเที่ยวเดินป่า พิสูจน์รักแท้ กับทีมงานมืออาชีพกับเรา คลิกที่นี่ >> https://tour.trekkingthai.com/
ติดต่อสอบถามเรื่องทริปเดินทาง
จันทร์ – ศุกร์ ช่วงเวลา 10.00 – 19.00 น.
โทรจองได้ที่ 080-0889888
หรือ แชทกับเราได้ง่ายๆ และ ได้ข่าวดีๆก่อนใครไลน์ @trekkingthai กดแอดได้เลย
หรือ
สนใจสั่งซื้อสินค้าอุปกรณฺ์แค้มปิ้ง มีให้เลือกหลายแบบ คลิกที่นี่ >> https://shop.trekkingthai.com/ซื้อแล้ว หากสินค้ามีปัญหา ต้องการคำแนะนำต่าง ๆ กลับมาหาเรานะ …
ร้าน TKT Adventure Shop
ร้านขายอุปกรณ์เดินป่า สินค้าเพื่อคนเดินทาง-ผจญภัย>> เดินทางสะดวก สอบถามได้ เรายินดีให้บริการ <<
“เรายินดีช่วยให้คำปรึกษา โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมคำแนะนำ สาธิตวิธีการต่าง ๆ อย่างถูกต้องเหมาะสม ในครั้งต่อๆ ไป จะสามารถทำได้เอง ไม่ต้องเสียเวลามาที่ร้าน จ้า”
“ด้วยความเป็นเพื่อน บริการด้วยใจ เรายินดีให้คำปรึกษาทั้งในการใช้งาน และปัญหาต่าง ๆ”