ฟลายชีท : How to 4 เทคนิคกางฟลายชีทแบบง่าย ๆ

ฟลายชีท : How to 4 เทคนิคกางฟลายชีทแบบง่าย ๆ

ฟลายชีท เปรียบเสมือนหลังคาของที่พักอาศัย  เป็นอุปกรณ์สำคัญที่เราจำเป็นต้้องมีในการออกไปตั้งแค้มป์เป็นอย่างมาก   โดยเฉพาะการตั้งแค้มป์นั้นอยู่ในพื้นที่ป่า หรือพื้นที่ที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้างให้เราพักพิงในยามที่ลมแรงหรือฝนตก   โดยปกติฟลายชีทจะถูกนำไปทำกางเป็นเป็นพื้นที่สำหรับนั่งทานข้าว นั่งเล่นพูดคุยกันในกลุ่มครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อน ๆ ที่ไปตั้งแค้มป์ร่วมกัน  และเทคนิคการกางฟลายชีทจึงเป็นเรื่องสำคัญ  เราจึงได้นำเทคนิคการกางฟลายชีทที่เหมาะกับกลุ่มนักเดินทางในประเทศไทยมาฝากเพื่อน ๆ กัน 4  แบบ  และเป็นแบบที่ทำได้ไม่ยากเลยล่ะ

เพราะอย่าลืมสิว่า  “ฟลายชีทก็เปรียบเสมือนหลังคาบ้านน่ันแหละ”

1  กางฟลายชีท แบบ  Basic A Frame

รูปแบบการกางฟลายชีทแบบ Basic A Frame เป็นการกางฟลายชีทแบบง่าย  และเป็นแบบกางฟลายชีทที่เราเห็นทั่วไป

****  กางฟลายชีทง่ายมาก   เหมาะสำหรับมือใหม่ และพื้นที่ที่ลมแรงมาจากด้านใดด้านหนึ่ง  หรือจากทั้งสองด้าน

อุปกรณ์ที่ต้องใช้

  1. ต้นไม้ 2  ต้น   หรือเสาไม้/อลูมิเนียม  2  ต้น
  2. เชือกหลัก  1  เส้น
  3. สมอบก  4 อัน
  4. ฟลายชีท 4×6  หรือ  ฟลายชีท 3×4  พร้อมเชือกผูกที่มุมทั้ง 4 ด้าน

เทคนิคกางฟลายชีท  แบบ  Basic A Frame 

นำเชือกมาขึงกางผูกจากต้นไม้ต้นที่ 1  ไปยังต้นไม้ต้นที่ 2   ให้ความสูงของเชือกสูงจากผืนดินราว  1  เมตร 80 เซนติเมตร  หรือ 2 เมตร   ดึงเชือกให้ตึง  จากนั้นนำฟลายชีท 3×4  หรือฟลายชีท 4×6  มาวางพาดบนเชือก  จัดวางกางฟลายชีทให้ตึงและให้ฟลายชีททั้งสองด้านมีขนาดความยาวเท่ากัน   แล้วนำเชือกที่มุมของฟลายชีทแต่ละด้านมาผูกติดกับสมอบก   แล้วจึงตอกสมอบกของแต่ละมุมฟลายชีทลงบนดิน  ***เทคนิคกางฟลายชีทที่ดีคือฟลายชีทต้องตึง

ข้อดีของการกางฟลายชีท แบบ  Basic A Frame 

  1. ป้องกันสายฝน  และลมจากทั้งสองด้านได้ดี
  2. กางได้ง่าย

ข้อเสียของการกางฟลายชีท แบบ  Basic A Frame 

  1. อาจมีน้ำค้าง หรือน้ำฝนไหลเข้ามาพื้นที่ด้านใน   ผ่านบริเวณมุมที่เราตอกสมอบก
  2. ทำให้พื้นที่ด้านในฟลายชีทดูแคบ  และดูอึดอึด

2  กางฟลายชีท  แบบ Basic Lean to

รูปแบบกางฟลายชีทแบบ Basic Lean to เป็นการกางฟลายชีทแบบง่าย ทำได้เร็ว   เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มกางฟลายชีทเป็นครั้งแรก

****  กางฟลายชีทง่ายมาก  และทำได้เร็ว   เหมาะสำหรับมือใหม่ และพื้นที่ที่ลมแรงมาจากด้านในด้านหนึ่ง

อุปกรณ์ที่ต้องใช้

  1. ต้นไม้ 2  ต้น   หรือเสาไม้/อลูมิเนียม  2  ต้น
  2. เชือกหลัก  1  เส้น
  3. สมอบก  6 อัน
  4. ฟลายชีท 4×6  หรือ  ฟลายชีท 3×4  พร้อมเชือกผูกที่มุมทั้ง 6 ด้าน

เทคนิคกางฟลายชีท  แบบ  Basic Lean to 

นำเชือกมาขึงกางผูกจากต้นไม้ต้นที่ 1  ไปยังต้นไม้ต้นที่ 2   ให้ความสูงของเชือกสูงจากผืนดินราว  1  เมตร 80 เซนติเมตร  หรือ 2 เมตร   ดึงเชือกให้ตึง  จากนั้นนำฟลายชีท 3×4  หรือฟลายชีท 4×6  มาวางพาดบนเชือก  จัดวางกางฟลายชีทให้ตึงและให้ฟลายชีททั้งสองด้านที่มีลมแรงยาวกว่า  วางทำมุม 30 องศา   แล้วนำเชือกที่มุมของฟลายชีทแต่ละด้านมาผูกติดกับสมอบก   แล้วจึงตอกสมอบกของแต่ละมุมด้านหน้าและด้านหลังของฟลายชีทลงบนดิน  ดึงเชือกมุมฟลายชีทด้านข้างของเสาทั้งสองด้าน ปักลงบนพื้น  ตอกด้วยสมอบก ***เทคนิคกางฟลายชีทที่ดีคือฟลายชีทและเชือกที่ผูกติดกับฟลายชีทต้องตึง

ข้อดีของการกางฟลายชีท แบบ  Basic Lean to

  1. ป้องกันสายฝน  และลมจากด้านใดด้านหนึ่งได้เป็นอย่างดี
  2. กางได้ง่าย และเร็ว

ข้อเสียของการกางฟลายชีท แบบ  Basic Lean  to

  1. ป้องกันลมและฝนได้เพียงด้านเดียวเท่านั้น

3  กางฟลายชีท  แบบ Dining Fly

รูปแบบกางฟลายชีทแบบ Dining Fly เป็นการกางฟลายชีทที่ทำให้พื้นที่กว้างขวาง  ไม่ดูอึดอัด เหมาะสำหรับนั่งทานข้าว หรือนั่งเล่นเป็นหมู่คณะ  เป็นแบบที่ป้องกันลมและฝนได้เป็นอย่างดี

****  กางฟลายชีทค่อนข้างยาก   ต้องใช้ความชำนาญเล็กน้อย

อุปกรณ์ที่ต้องใช้

  1. ต้นไม้ 2  ต้น  (กรณีที่มี)
  2. เสาไม้/อลูมิเนียม  2  ต้น
  3. เชือกหลัก  1  เส้น
  4. สมอบก  6 – 10  อัน  หรือ  สมอบก 6 อัน   หลักไม้ 2 หลัก
  5. ฟลายชีท 4×6  หรือ  ฟลายชีท 3×4  พร้อมเชือกผูกที่มุมทั้ง 6- 10ด้าน

เทคนิคกางฟลายชีท  แบบ  Dining Fly 

กรณีที่ต้นไม้ใหญ่ 2 ต้น :  นำเชือกมาขึงกางผูกจากต้นไม้ต้นที่ 1  ไปยังต้นไม้ต้นที่ 2   ให้ความสูงของเชือกสูงจากผืนดินราว  2 เมตร ถึง 2 เมตร 30 เซนติเมตร  ดึงเชือกให้ตึง  จากนั้นนำฟลายชีท 3×4  หรือฟลายชีท 4×6  มาวางพาดบนเชือก  จัดวางกางฟลายชีทให้ตึงและให้ฟลายชีททั้งสองด้านยาวเท่ากัน  แล้วนำเชือกที่มุมของฟลายชีทแต่ละด้านมาผูกติดกับสมอบก   แล้วจึงตอกสมอบกของแต่ละมุมลงบนดิน  ดึงเชือกมุมฟลายชีทด้านจั่วข้างหน้าและข้างหลังฟลายชีท ปักลงบนพื้น  ตอกด้วยสมอบก ***เทคนิคกางฟลายชีทที่ดีคือฟลายชีทและเชือกที่ผูกติดกับฟลายชีทต้องตึง

กรณีที่ไม่มีต้นไม้ :  ตอกเสาไม้ หรือเสาอลูมิเนียมตอกลงบนดินให้ระยะห่างกันมากกว่าความยาวของฟลายชีทราวด้านละ  1 ฟุต  เช่น  ฟลายชีท 3×4  ระยะห่างของเสาหลักควรจะมีระยะห่างกันราว 4 เมตร 60 เซนติเมตร  หรือ 5 เมตร  เมื่อตอกเสาหลักแล้ว  ให้ตอกหลักไม้ต่อจากเสาหลักให้ห่างออกไปราว 1 เมตรทั้งสองด้าน  จากนั้นนำเชือกมาขึงกางผูกจากเสาที่ 1  ไปยังเสาที่ 2   ให้ความสูงของเชือกสูงจากผืนดินราว  1 เมตร 80 เซนติเมตร ถึง 2 เมตร ดึงเชือกให้ตึง แล้วโยงไปยังหลักไม้ของแต่ละด้าน มัดให้แน่น จากนั้นนำฟลายชีท 3×4  หรือฟลายชีท 4×6  มาวางพาดบนเชือก  จัดวางฟลายชีทให้ตึงและให้ฟลายชีททั้งสองด้านยาวเท่ากัน  แล้วนำเชือกที่มุมของฟลายชีทแต่ละด้านมาผูกติดกับสมอบก   แล้วจึงตอกสมอบกของแต่ละมุมลงบนดิน  ดึงเชือกมุมฟลายชีทด้านจั่วข้างหน้าและข้างหลังฟลายชีท ปักลงบนพื้น  ตอกด้วยสมอบก ***เทคนิคกางฟลายชีทที่ดีคือฟลายชีทและเชือกที่ผูกติดกับฟลายชีทต้องตึง

ข้อดีของการกางฟลายชีท แบบ  Dining Fly

  1. ป้องกันสายฝน  ลมและแสงแดดได้เป็นอย่างดี
  2. มีพื้นที่ด้านในฟลายชีทค่อนข้างกว้าง ดูไม่อึดอัด
  3. ไม่มีน้ำจากมุมฟลายชีทไหลเข้าด้านใน

ข้อเสียของการกางฟลายชีท แบบDining Fly

  1. อาจมีลมเข้าด้านในฟลายชีทเล็กน้อย
  2. ใช้เวลาในการกางค่อนข้างนาน
  3. หากมีฝนตกหนัก  หรือน้ำค้างแรง  อาจจมีน้ำขังบนฟลายชีทจนเป็นสาเหตุให้น้ำไหลซึมผ่านฟลายชีทได้

4  กางฟลายชีท  แบบ Dining Fly Upgrade

รูปแบบกางฟลายชีทแบบ Dining Fly Upgrade เป็นการกางฟลายชีทที่ทำให้พื้นที่กว้างขวาง  ไม่ดูอึดอัด เหมาะสำหรับนั่งทานข้าว หรือนั่งเล่นเป็นหมู่คณะ  เป็นแบบที่ป้องกันลมและฝนได้เป็นย่างดี และไม่มีปัญหาเรื่องน้ำขังบนฟลายชีท

****  กางค่อนข้างยาก   ต้องใช้ความชำนาญเล็กน้อย

อุปกรณ์ที่ต้องใช้

  1. ต้นไม้ 2  ต้น  (กรณีที่มี)
  2. เสาไม้/อลูมิเนียม  2  ต้น  และเสาไม้หรืออลูมิเนียมสูงขนาด 1 เมตร 8 – 10 ต้น
  3. เชือกหลัก  1  เส้น
  4. สมอบก 10-12 อัน  หรือ  สมอบก 10 อัน   หลักไม้ 2 หลัก
  5. ฟลายชีท 4×6  หรือ  ฟลายชีท 3×4  พร้อมเชือกผูกที่มุมทั้งหมด

เทคนิคกางฟลายชีท  แบบ  Dining Fly 

กรณีที่ต้นไม้ใหญ่ 2 ต้น :  นำเชือกมาขึงกางผูกจากต้นไม้ต้นที่ 1  ไปยังต้นไม้ต้นที่ 2   ให้ความสูงของเชือกสูงจากผืนดินราว  2 เมตร ถึง 2 เมตร 30 เซนติเมตร  ดึงเชือกให้ตึง  จากนั้นนำฟลายชีท 3×4  หรือฟลายชีท 4×6  มาวางพาดบนเชือก  จัดวางฟลายชีทให้ตึงและให้ฟลายชีททั้งสองด้านยาวเท่ากัน  แล้วนำเชือกที่มุมของฟลายชีทด้านข้างแต่ละด้านมาผูกติดเสาขนาด 1 เมตร ผูกด้วยเงื่อนตะกรุดเบ็ด จากนั้นดึงปลายเชือกยึดกับสมอบก   แล้วจึงตอกสมอบกของแต่ละมุมลงบนดิน ***ทริคของการกางฟลายชีทแบบนี้คือ มุมของฟลายชีทด้านข้างจะมีมุมสูงบ้าง  ต่ำบ้าง เป็นลักษณะสลับฟันปลา  แต่บริเวณจั่วด้านหน้าของฟลายชีททั้งสองด้านจะเปิดให้สูงเสมอ  เพื่อให้คนเข้า -ออกสะดวก ดึงเชือกมุมฟลายชีทด้านจั่วข้างหน้าและข้างหลังฟลายชีท ปักลงบนพื้น  ตอกด้วยสมอบก ***เทคนิคกางฟลายชีทที่ดีคือฟลายชีทและเชือกที่ผูกติดกับฟลายชีทต้องตึง

***เทคนิคการกางฟลายชีทกรณีไม่มีต้นไม้

กรณีที่ไม่มีต้นไม้ :  ตอกเสาไม้ หรือเสาอลูมิเนียมตอกลงบนดินให้ระยะห่างกันมากกว่าความยาวของฟลายชีทราวด้านละ  1 ฟุต  เช่น  ฟลายชีท 3×4  ระยะห่างของเสาหลักควรจะมีระยะห่างกันราว 4 เมตร 60 เซนติเมตร  หรือ 5 เมตร  เมื่อตอกเสาหลักแล้ว  ให้ตอกหลักไม้ต่อจากเสาหลักให้ห่างออกไปราว 1 เมตรทั้งสองด้าน  จากนั้นนำเชือกมาขึงกางผูกจากเสาที่ 1  ไปยังเสาที่ 2   ให้ความสูงของเชือกสูงจากผืนดินราว  1 เมตร 80 เซนติเมตร ถึง 2 เมตร ดึงเชือกให้ตึง แล้วโยงไปยังหลักไม้ของแต่ละด้าน มัดให้แน่น จากนั้นนำฟลายชีท 3×4  หรือฟลายชีท 4×6  มาวางพาดบนเชือก  จัดวางฟลายชีทให้ตึงและให้ฟลายชีททั้งสองด้านยาวเท่ากัน  แล้วนำเชือกที่ฟลายชีทด้านข้างแต่ละด้านมาผูกติดเสาขนาด 1 เมตร ผูกด้วยเงื่อนตะกรุดเบ็ด จากนั้นดึงปลายเชือกยึดกับสมอบก   แล้วจึงตอกสมอบกของแต่ละมุมลงบนดิน ***ทริคของการกางฟลายชีทแบบนี้คือ มุมของฟลายชีทด้านข้างจะมีมุมสูงบ้าง  ต่ำบ้าง เป็นลักษณะสลับฟันปลา  แต่บริเวณจั่วด้านหน้าของฟลายชีททั้งสองด้านจะเปิดให้สูงเสมอ  เพื่อให้คนเข้า -ออกสะดวก ดึงเชือกมุมฟลายชีทด้านจั่วข้างหน้าและข้างหลังฟลายชีท ปักลงบนพื้น  ตอกด้วยสมอบก ***เทคนิคกางฟลายชีทที่ดีคือฟลายชีทและเชือกที่ผูกติดกับฟลายชีทต้องตึง

ข้อดีของการกางฟลายชีท แบบ  Dining Fly  Upgrade

  1. ป้องกันสายฝน  ลมและแสงแดดได้เป็นอย่างดี
  2. มีพื้นที่ด้านในฟลายชีทค่อนข้างกว้าง ดูไม่อึดอัด
  3. ไม่มีน้ำจากมุมฟลายชีทไหลเข้าด้านใน
  4. หากมีฝนตกหนัก  หรือน้ำค้างแรง  ไม่มีน้ำขังบนฟลายชีทจนเป็นสาเหตุให้น้ำไหลซึมผ่านฟลายชีทได้

ข้อเสียของการกางฟลายชีท แบบDining Fly  Upgrade

  1. อาจมีลมเข้าด้านในฟลายชีทเล็กน้อย
  2. ใช้เวลาในการกางค่อนข้างนาน

แบบกางฟลายชีททั้ง 4 แบบนี้เป็นรูปแบบเบื้องต้นที่เหมาะกับการตั้งแค้มป์ในไทย  และทำได้ไม่ยาก  รูปแบบการกางฟลายชีทแต่ละแบบจะเหมาะกับแต่ละพื้นที่  ทิศทางลม  และจำนวนคน และความยาวฟลายชีทเป็นสำคัญ แล้วสุดสัปดาห์นี้ เพื่อน ๆ มีวางแผนไปตั้งแค้มป์ที่ไหนกันแล้วหรือยัง ?

เรื่องแนะนำ